ครูบากฤษณะ อินทวัณโณ เกิดเมื่อวันอาทิตย์ที่ 1 สิงหาคม 2497 ที่บ้านโตนด
อ.โนนสูง จ.นครราชสีมา โดยเป็นบุตรคนที่ 9 ของครอบครัว
เดิมชื่อ สรุเดช ตับกลาง บิดา-มารดาของท่านเป็นแพทย์แผนโบราณ
เป็นหมอยากลางบ้าน สืบต่อกันมาแต่ครั้งบรรพบุรุษ ดังนั้นท่านจึงได้เรียนรู้วิชา
หมอยา การแพทย์แผนโบราณ พืชสมุนไพร คาถาอาคม มาแต่เยาว์วัย
ครั้งเติบโตเป็นหนุ่ม ท่านได้ถือบวชเป็นโยคีผ้าขาว ออกเดินทางไปยังภูเขาควาย
ประเทศสาธารณรัฐประชาธิปไตย ประชาชนลาวซึ่งเป็นสถานที่รวบรวมสรรพวิชาต่าง ๆ ทางไสยเวทย์
และคาถาอาคม ณ ภูเขาควายนี้เอง ท่านได้ศึกษา ไสยเวทย์ คาถาอาคม กับทางปู่ฤาษี
โดยที่ท่าน ถือบวชเป็นโยคีพราหมณ์ หลังจากอยู่รับใช้ครูบาอาจารย ์ และ ศึกษาวิชาคาถาอาคม
ได้รับความรู้พอประมาณแล้วท่านจึงได้เดินทางกลับ ประเทศไทย และ ใช้ชีวิตในเพศฆราวาส
ได้ระยะเวลาหนึ่งท่านเกิด ความเบื่อหน่ายทางโลก จึงดำริที่จะละจากเพศฆราวาส
เข้าอุปสมบทในพระพุทธศาสนา จึงนำความเข้าปรึกษาคุณสุรพันธ์ และคุณมาลี งามจิตรสุขศรี
เจ้าของบริษัท รุ่งสินก่อสร้าง จำกัด ซึ่งก็ได้ รับการสนับสนุนจากท่านทั้งสองเป็นอย่างดี
ครูบากฤษณะ อุปสมบทเมื่อวันที่ 27 ตุลาคม 2522 ณ พัทธสีมา วัดโคกอู่ทอง
ต.โพธิ์งาม อ.ประจันตคาม จ.ปราจีนบุร ี โดยมีพระครูธรรมรงโพธิเขต เจ้าอาวาสวัดโคกอู่ทอง
เป็นพระอุปัชฌาย์ พระอาจารย์ฝั้น ชุตินทโรเป็นพระกรรมวาจาจารย์ พระอาจารย์
กลมวิมโล เป็นพระอนุสาวนาจารย์ ได้รับฉายาว่า “อินทวัณโณ”
ภายหลังที่อุปสมบทเป็นพระภิกษุแล้ว ด้วยอุปนิสัยที่รักการศึกษาหาความรู้
ท่านได้สนใจศึกษาพระปริยัตธรรม ทั้งจากพระไตรปิฏก และจากครูบาอาจารย์ ผู้เป็นปราชญ์ทรงคุณธรรมหลายท่าน
จนจิตใจมั่นคงด้วยศรัทธาในพระพุทธศาสนาอย่างแรงกล้า ท่านจึงได้จาริกธุดงค ์
ไปตามป่าเขาลำเนาไพร เพื่อเจริญจิตบำเพ็ญภาวนาโดยถือุดงควัตรอย่างเคร่งครัด
ยอมมอบกายถวายชีวิตแด่ พระพุทธศาสนาตลอดมา
ครูบากฤษณะได้จาริกไปตามลำพังในป่าเขาดงดิบ เทือกเขาใหญ่ตลอดแนวภาคอีสานได้ข้ามกลับไปยัง
ภูเขาควาย สาธารณรัฐประชาธิปไตย
ประชาชนลาว เพื่อศึกษาเพิ่มเติมวิชาอาคมต่างๆ ต่อจากนั้น จึงได้ผ่านไปยังประเทศเขมร และ
กลับเข้าประเทศไทย ทางด้านจังหวัดจันทบุรี
ต่อมาในปีพ.ศ. 2532 ครูบากฤษณะได้ธุดงค์มาบำเพ็ญสมณธรรมบริเวณเทือกเขาจอมทอง
เหนือเขื่อนมูลบน อ.ครบุรี ชาวบ้านเมื่อทราบข่าวว่า มีพระภิกษุมาเจริญสมณธรรมในป่าเขา เกิดความศรัทธาพากันขึ้นไปทำบุญ
และรับการอบรมสั่งสอนจาก ท่านเป็นประจำ จนในที่สุดชาวบ้านคลองยางจึงพร้อมใจกันนิมนต์
ท่านครูบากฤษณะ
เป็นประธานในการก่อสร้างสำนักสงฆ์ ป่ามหาวัน ขึ้นเพื่อเป็นดินแดนแห่งร่มเงาของพระพุทธศาสนาเพื่อชาวบ้านเหนือเขื่อนมูลบน
จะได้มีสถานที่ประกอบศาสนกิจทางพุทธศาสนา สืบต่อไป
สำนักสงฆ์ป่ามหาวันได้รับการประกาศยกขึ้นเป็นวัดป่ามหาวันอย่างสมบูรณ์ตามกฏระเบียบ
ของคณะสงฆ์ไทยเมื่อปี
พ.ศ. 2536
สำนักสงฆ์เวฬุวัน หมู่ที่1 บ้านคลองกระทิง ต.ไทยสามัคคี อ.วังน้ำเขียว จ.นครราชสีมา
ในปีพ.ศ. 2539 ครูบากฤษณะได้รับถวาย ที่ดินบริเวณ บ้านคลองกระทิง ต.ไทยสามัคคี อ.วังน้ำเขียว จ.นครราชสีมา จากผู้ศรัทธา
เป็นจำนวนประมาณ 5 ไร่ เป็นที่รกร้างว่างเปล่า ที่ห่างจากหมู่บ้านลึกเข้าไป และปกคลุมด้วยป่าไผ่ ท่านได้พิจารณาแล้วเป็นว่า พื้นที่แห่งนี้
เหมาะแก่การปฏิติธรรมเจริญภาวนาเป็นอย่างยิ่ง
ดัง นั้นในปี พ.ศ. 2545 ครูบากฤษณะจึงได้เริ่มเข้ามาพัฒนาพื้นที่ และก่อสร้างสำนักสงฆ์เวฬุวันขึ้น พร้อมทั้งซื้อที่ดินเพิ่มเติม จนปัจจุบัน
สำนักสงฆ์เวฬุวันมีพื้นที่ประมาณ 46 ไร่ และเป็นศูนย์ปฏิธรรม กรมเสมียนตรา กระทรวงกลาโหม